- ถ้าจะไม่ต้องยุ่งกับ DAO/ADO เลยก็คือ สั่ง INSERT/UPDATE/DELETE ผ่านคำสั่ง
DoCmd.RunSQL "INSERT/UPDATE/DELETE statement"
- อ่านค่าฟิลด์จากเรคอร์ด (อ่านได้เรคอร์ดเดียวเท่านั้น)
ตัวแปร = DLookup("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- อ่านค่าฟิลด์จากเรคอร์ดแรก/สุดท้ายที่หาได้
ตัวแปร = DFirst/DLast("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- อ่านค่าฟิลด์ที่มากสุด/น้อยสุดจากเรคอร์ดที่หาได้
ตัวแปร = DMax/DMin("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- อ่านจำนวนเรคอร์ดที่หาได้
ตัวแปร = DCount("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- อ่านค่าเฉลี่ยของฟิลด์จากเรคอร์ดที่หาได้
ตัวแปร = DAvg("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- อ่านค่าผลรวมของฟิลด์จากเรคอร์ดที่หาได้
ตัวแปร = DSum("ชื่อฟิลด์", "ชื่อเทเบิล/คิวรี่", "เงื่อนไขการเลือกเรคอร์ด")
- กรณีอ่าน tblFactor ใน Excel คิดว่าคุณคงทำได้อยู่แล้ว ก็ลูปไปทีละบรรทัด จนกว่าหัวคอลัมน์จะว่างๆ (ไม่มี Type ต่อไปแล้ว) ก็จะขึ้นบรรทัดใหม่ ถ้าหัวบรรทัดว่างๆ ก็แปลว่าไม่มี Case ต่อไปแล้ว ส่วนค่า Pivot ก็เอาเฉพาะที่ไม่เป็นค่าว่างเขียนลง tblFactor ใน Access และเนื่องจากเราสร้างโครงสร้างเทเบิลให้เรคอร์ดนึงมี 3 ฟิลด์ คือ Row Header, Column Header, Pivot Value ดังนั้นไม่ว่าใน Excel จะมีกี่ Type (Column) กี่ Case (Row) เราก็เอาลงเทเบิลใน Access ทีละเรคอร์ดได้ไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องแก้โครงสร้างใดๆครับ
- สำหรับคำสั่งให้ Access ไปอ่านไฟล์ Excel คุณลองค้นด้วยคำว่า Excel.Application ในเวปนี้ดูครับ