"มีข้อสงสัยอย่างหนึ่ง" อิอิ หลายอย่างเลยนะนั่นเท่าที่อ่าน

- การทำ Map Network Drive
   คือการจำลอง ฮาร์ดดิสก์ของคนอื่น ให้เป็นเสมือน ฮาร์ดดิสก์ของตัวเอง ปกติ hdd ของเราอาจถูกแบ่งเป็น 2 หรือ 3 drive เช่น drive C: D: E: ตัวอักษรเหล่านี้หมายถึง 1 พาร์ทิชั่นที่เราแบ่ง hdd การอ้างถึงมันเราก็อ้างได้ง่ายๆ ว่า c:
   ในระบบเน็ตเวิร์ค มี การอ้างถึง, การบันทึก, การอ่าน ใน hdd ของเครื่องอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งระบบ วินโดวส์ จะอ้างถึง hdd ของคนอื่นๆได้ ต้องบังคับให้มีการระบุที่อยู่ตามหลัก เช่น \\computer1\d\   หมายถึงว่าเรากำลังจะทำงานบน hdd ของคอมพิวเตอร์บนเน็ตเวิร์คที่ชื่อว่า computer1 และเรากำลังจะทำงานบน drive D ของเขา ปัญหาที่พบคือ เราอาจจะจำชื่อเครื่องไม่ได้ในบางครั้ง หรือว่า มันเขียนยาวเกินไป
   ระบบวินโดวส์จึงมีฟังก์ชั่นมารองรับปัญหานี้ นั่นคือ map network drive คือการทำชื่อเสมือน เช่นถ้าเราอ้างพาธนี้บ่อยๆ เราก็จำลองชื่อมันไว้เลยว่า มันคือ Drive Z:

เมื่อเราทำการ map แล้ว ต่อไปเราจะเรียกถึง hdd ก้อนนั้นอีก เราก็เรียกแค่ Z:

ถามว่า จำเป็นมั้ย ตอบคือถ้า จำพาธได้แม่น ก็ไม่จำเป็น ถ้ารู้ ip address ของเครือ่งเป้าหมาย ก็ยิ่งสะดวก เช่น อ้างไปเลยว่า \\192.168.1.3\d

** หมายเหตุ เครื่องเป้าหมายตามที่ยกตัวอย่าง ต้องทำการ แชร์ drive d: ด้วยนะครับ ถึงจะได้ผล

วันนี้ตอบข้อสงสัยเดียวไปก่อนละกัน มันยาวแล้ว ข้อสงสัยอื่นให้รอ ท่านอื่นๆ มาช่วยตอบนะครับ คนละข้อสองข้อ

"แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับการ เชื่อมต่อข้อมูล"
ก็ทำให้อ้างอิงพาธได้สะดวกขึ้นครับ

"แล้วtable ที่อยู่บนเครื่อง server จะเป็น mdb ได้หรือไม่"
ได้ครับ

"แล้วการที่ต้องเปลี่ยนเป็น mde เพื่ออะไร"
หมายถึงตัว front-end ครับ ตัวที่บรรจุเฉพาะ คิวรี่ ฟอร์ม รายงาน โมดูล แต่ไม่ได้บรรจุตารางเอาไว้ เพราะตารางจริงวางไว้ที่ back-end ที่ฝั่ง server แล้ว
ตัว front-end คือตัวที่ให้ผู้ใช้นำไปใช้ครับ ทำเป็น mde เพื่อป้องกันความซนของผู้ใช้ที่อาจจะเข้าไปแก้ไขโค้ดของเรา

"การcopy มาไว้ที่เครื่องลูก"
อันนี้ก็หมายถึง mde ตัว front-end อีกนั่นแหละครับ ตามแนวคิดนี้คือ เมื่อเราพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ เราไม่สะดวกที่จะนำไปวางให้เครื่อง client แต่ละเครื่องได้ เราจะเอามันไปวางไว้ที่ server ที่เดียว เมื่อผู้ใช้ทราบว่าเมื่อเวอร์ชั่นใหม่มา ก็ให้เขาเข้ามาก็อปไปเองเลยครับ (ก็อบเฉพาะตัว front-end ตัว back-end ไม่ต้องครับ)

"แล้วแก้ไขเสร็จค่อยส่งกลับไปยังเครื่องsever ทำกันอย่างไร"
ในคำตอบก่อนนี้ ก็คงพอจะเข้าใจในคำถามนี้แล้วนะครับ คือในเครื่องของผู้พัฒนา (เราเองนั่นแหละ) ยังมีต้นฉบับ mdb ตัว front-end อยู่ซึ่งยังไม่ได้ทำเป็น mde เมื่อเราจะแก้ไขโค้ดหรือปรับปรุงโค้ดหรือพัฒนาเวอร์ชันใหม่ เราก็ทำได้เลย
เมื่อทำเสร็จก็ค่อยทำเป็น mde แล้วเอา mde ตัวนี้แหละไปแจกจ่ายซึ่งอย่างที่บอกไปก่อนหน้า ถ้าไม่สะดวกเดินเอาไปแจกตามเครื่อง client ก็เอาไปวางที่ server ให้ผู้ใช้ไปโหลดเอาเองสะดวกกว่า
การนำไปวาง ก็ คำสั่ง copy paste ธรรมดานี่แหละครับ
ก็อบจากเครื่องของเรา วางไว้ที่ server หรือก็คือ ก็อบจาก drive c: ไปวาง drive z: นั่นแหละครับ

เรียน คุณอนันต์

ผมขอตอบคำถามเพิ่มเติมดังนี้ครับ

1. การเชื่อมต่อฐานข้อมูล (Table อย่างเดียว) จะเป็นฐานข้อมูลนามสกลุ .mdb ครับ
2. การแปลงฐานข้อมูลสำหรับให้ผู้ใช้งานนั้น ควรทำการแปลงให้เป็น .mde ซึ่งจะทำให้ฐานข้อมูลมีคุณสมบัติดังนี้
- ในกรณีฐานข้อมูลของคุณมีโค้ด Microsoft Visual Basic for Applications (VBA) การบันทึกฐานข้อมูลให้เป็นแฟ้ม MDE จะเป็นการคอมไพล์โมดูลทั้งหมด และเอาโค้ดต้นฉบับที่แก้ไขได้ออกทั้งหมด พร้อมทั้งจะทำการกระชับฐานข้อมูลปลายทางให้อีกด้วย ซึ่งโค้ด Visual Basic จะยังสามารถทำงานต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถดู หรือแก้ไขได้
- การบันทึกฐานข้อมูลเป็นแฟ้ม MDE จะไม่ป้องกันการเปลี่ยนแปลงการออกแบบฐานข้อมูล
- ผู้ใช้จะไม่สามารถทำการแก้ไขหรือการสร้าง ฟอร์ม, รายงาน, Module ได้
- กล่องโต้ตอบ การอ้างอิง VBA จะไม่อนุญาตให้ทำการเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนการอ้างอิงไปยังไลบรารีวัตถุ หรือฐานข้อมูล
- คำสั่งการนำเข้า หรือการส่งออกฟอร์ม รายงาน หรือโมดูลจะถูกปิดใช้งาน ยกเว้น Table, Query, Data Access Page, Macro สามารถนำเข้า/ส่งออกไปยังฐานข้อมูลที่ไม่ได้เป็นแบบ MDE ได้

3. การทำฐานข้อมูลให้เป็น MDE เราจะต้องมีฐานข้อมูลเดิมที่เป็น MDB ไว้ที่เครื่องของเราด้วย เพื่อใช้ในการปรับปรุงแก้ไขฐานข้อมูลตามปกติ ซึ่งเมื่อทำการแก้ไขปรับปรุงฐานข้อมูลใหม่ ก็ทำการ Make ให้เป็น MDE เพื่อให้ผู้ใช้งาน ทำการ copy ไปไว้ที่เครื่องของตนเองต่อไป

ขอบคุณ ๆ ทุก ๆ คำตอบ
ช่วยให้เข้าใจดียิ่งขึ้น
อ่านคำตอบที่แรกแล้วไม่เข้าใจเอง
เม่อได้รับคำตอบใหม่ครั้งนี้
เข้าใจมากพอควรแล้วครับ
ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยคนที่หัดแบบงูงูปลาปลา
ไม่ได้ร่ำได้เรียนเรื่องคอมมาเลย